ข้อมูลจากสำนักงานวางแผนเศรษฐกิจและสถิติบรูไนปี 2564 ระบุว่าจำนวนประชากรในประเทศบรูไนประกอบด้วยพลเมืองบรูไนและผู้มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศบรูไนจำนวน 353,313 คน แรงงานต่างชาติ/คนต่างชาติจำนวน 76,686 คน รวมทั้งหมด 429,999 คน โดยเป็นประชากรมีงานทำจำนวน 216,900 คน ประชากรว่างงาน 17,400 คน โดยอัตราการว่างงานร้อยละ 8.4
ในปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม 2564 – กรกฎาคม 2565) ตามสถิติของกรมการจัดหางาน มีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานในประเทศบรูไนรวมทั้งคนงานเดิมที่กลับไปทำงานบรูไนอีก (Re-entry) จำนวน 134 คน โดยสำนักงานแรงงานในประเทศบรูไนรับรองเอกสารการจ้างแรงงานไทยใหม่จำนวน 60 คน ทั้งหมดเป็นการเดินทางไปทำงานด้วยตนเอง แยกเป็นแรงงานระดับวิชาชีพและระดับทักษะฝีมือจำนวน 54 คน และแรงงานทั่วไปจำนวน 6 คน ตำแหน่งงานที่แรงงานไทยที่เดินทางมาทำงานบรูไน ได้แก่ ตำแหน่ง Marker & Fitter, Welder, Field Service Specialist, Supervisor, Operator (ภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ) Horticulture (ภาคการเกษตร) Chef, Cook, Bartender (ร้านอาหาร) Auto Painter (อู่ซ่อมรถยนต์) Reflexologist (ร้านนวดสปา) และอื่นๆ
ในช่วงโรคโควิด-19 เกิดการระบาดในประเทศบรูไนระลอกสองเมื่อปลายปี 2564 มีบริษัทเอกชนบรูไนกว่า 100 บริษัท แจ้งยกเลิกกิจการกับทางการบรูไน เนื่องจากได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะบริษัทในภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ และมี 240 บริษัท ยื่นคำร้องขอการสนับสนุนค่าจ้างให้พนักงานตามโครงการช่วยเหลือของรัฐบาลบรูไน โดยร้อยละ 80 มีคุณสมบัติได้รับความช่วยเหลือตามระเบียบ มีลูกจ้างบางตำแหน่งงานถูกยื่นข้อเสนอให้ลาพักงานโดยสมัครใจและไม่รับเงินเดือนจำนวน 426 คน ลาพักงานโดยได้รับเงินช่วยเหลือบางส่วน 480 คน แรงงานต่างชาติเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก โดยบางส่วนไม่ได้รับการต่อสัญญาจ้างหลังสิ้นสุดการทำงานและมีบางส่วนที่สมัครใจเดินทางกลับ ในขณะเดียวกัน ประเทศบรูไนก็มีมาตรการคัดกรองแรงงานต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศบรูไน โดยกำหนดให้นายจ้างต้องดำเนินการประกาศตำแหน่งงานว่าง ที่ศูนย์การจ้างงานบรูไน (Job Center Brunei) โดยใช้เวลาประมาณ 2 เดือน เพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานท้องถิ่นได้รับสิทธิเลือกเข้าไปทำงานก่อน พร้อมนี้บริษัทต้องลงทะเบียนกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพลูกจ้างท้องถิ่นบรูไน (Tabung Amanah Pekerja/TAP) เพื่อตรวจสอบอัตราส่วนจำนวนแรงงานท้องถิ่นบรูไนและแรงงานต่างชาติในบริษัท เมื่อถึงกำหนดเวลาแล้วไม่มีแรงงานท้องถิ่นบรูไนสนใจเข้าทำงานในตำแหน่งที่ประกาศรับสมัครดังกล่าว ศูนย์การจ้างงานบรูไนจะออกหนังสือรับรองให้นายจ้าง เพื่อใช้ประกอบในการยื่นคำร้องขออนุญาตนำเข้าแรงงานต่างชาติกับกรมแรงงานบรูไนต่อไป ทำให้สถานประกอบการภาคเอกชนบรูไนบางส่วนขาดแคลนกำลังแรงงาน
- นโยบายการนำเข้า/การจ้าง แรงงานต่างชาติ
ประเทศบรูไน มีวิสัยทัศน์ Brunei Vision 2035 (พ.ศ.2578) โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนให้บรูไนเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางเรื่องต่างๆ ดังต่อไปนี้
- การประสบความสำเร็จของประชาการที่มีการศึกษาและมีทักษะสูง ซึ่งวัดจากมาตรฐานสากล
- การมีคุณภาพชีวิตที่ดีติดอันดับ 1 ใน 10 อันดับโลก
- มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจแบบไดนามิกและยั่งยืนด้วยรายได้ต่อหัวของประชากร
เพื่อให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ดังกล่าว จึงมีกลยุทธ์ ดังนี้
- กลยุทธ์ทางการศึกษาที่จัดเตรียมให้เยาวชนมีความพร้อมเพื่อการจ้างงานและบรรลุความสำเร็จในโลกที่มีการแข่งขันและใช้ฐานความรู้มากขึ้น
- กลยุทธ์ทางเศรษฐกิจที่จะสร้างแหล่งการจ้างงานใหม่ให้กับประชาชนและขยายโอกาสทางธุรกิจในบรูไน ด้วยการส่งเสริมการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งในอุตสาหกรรมปลายน้ำและในกลุ่มเศรษฐกิจนอกเหนือจากภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ
- กลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยที่จะปกป้องเสถียรภาพทางการเมืองและอำนาจอธิปไตยในฐานะประเทศชาติ ที่เชื่อมโยงประสิทธิภาพทางการ
ป้องกันประเทศและทางการทูต ที่สามารถต่อสู้ภัยคุกคามจากโรคและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
- กลยุทธ์การพัฒนาสถาบันที่จะช่วยยกระดับการกำกับดูแลที่ดีทั้งในภาครัฐและเอกชน การบริการภาครัฐที่มีคุณภาพสูง ทันสมัย ปฏิบัติตามกฎหมาย และอยู่ในกรอบการกำกับดูแล มีขั้นตอนทางราชการที่มีประสิทธิภาพ ลดระบบราชการที่ล้าหลัง (bureaucratic)
- กลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจในท้องถิ่นที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงทำให้ชาวบรูไนมลายูสามารถบรรลุความเป็นผู้นำในธุรกิจและอุตสาหกรรมโดยการพัฒนาความแข็งแกร่งในการแข่งขัน
- กลยุทธ์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะช่วยสร้างให้มั่นใจในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลและผ่านความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกโดยให้ความสำคัญกับการศึกษาสุขภาพและอุตสาหกรรมเป็นพิเศษ
- กลยุทธ์การประกันสังคมที่สร้างความมั่นใจว่าประชาชนทุกคนได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
- กลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่รับประกันการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและที่อยู่อาศัยทางวัฒนธรรมของบรูไนอย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้สุขภาพและความปลอดภัยสอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากลระดับสูงสุด
ประเทศบรูไนได้มีนโยบายส่งเสริมให้นายจ้างหันมาจ้างคนท้องถิ่น (Localization Policy) และส่งเสริมให้คนท้องถิ่นบรูไนเข้าไปทำงานในภาคเอกชนมากขึ้น รัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์การจ้างงานบรูไน (Job Centre Brunei) เพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมให้คนท้องถิ่นไปทำงานภาคเอกชนและลดอัตราการว่างงาน อย่างไรก็ตาม ประเทศบรูไนยังมีความจำเป็นที่จะต้องจ้างแรงงานต่างชาติในตำแหน่งที่นายจ้างไม่สามารถจ้างคนท้องถิ่นได้ กรมแรงงานบรูไนได้กำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินการนำเข้าแรงงานต่างชาติมาประเทศบรูไน ดังนี้
- รัฐบาลจะออกใบ LPA (หนังสืออนุญาตจ้างแรงงานต่างชาติ) ให้แก่นายจ้างที่มีคุณสมบัติและสมรรถนะครบถ้วน และมีความจำเป็นอย่างแท้จริงในการจ้างงานแรงงานต่างชาติเท่านั้น (Only for employers who are “qualified” “capable” and “genuine”)
- รัฐบาลอนุญาตให้จ้างงานแรงงานต่างชาติเฉพาะในตำแหน่งที่ไม่มีคนท้องถิ่นมาสมัครเท่านั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุเชิงคุณสมบัติ ประสบการณ์ในการทำงาน หรือ ความสนใจตำแหน่งงานดังกล่าวก็ตาม
- แรงงานต่างชาติที่ได้รับการจ้างงาน จะต้องมีคุณสมบัติและทักษะที่เหมาะสม
- รัฐบาลบรูไนจะมีการเฝ้าระวังและควบคุมจำนวนและค่าจ้างแรงงานต่างชาติที่เพิ่มสูงขึ้น
- รัฐบาลบรูไนอาจใช้มาตรการ “แช่แข็ง” ตำแหน่งงานบางประเภทที่อยู่ในความสนใจ และเป็นตำแหน่งงานที่อาจรับคนท้องถิ่นเข้าทำงานได้
นอกจากนี้ รัฐบาลบรูไนไม่มีนโยบายการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ โดยทั่วไปค่าจ้างในภาคเอกชนจะเป็นไปตามกลไลของตลาด และเงินเดือนขั้นต่ำ ที่มีการรับสมัครลูกจ้างเข้าทำงานในภาครัฐอยู่ที่จำนวน 495 ดอลลาร์บรูไนต่อเดือน หรือประมาณ 12,375 บาท
25920